บอสไฟเบอร์

ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์
บอสไฟเบอร์ (Bossfiber)

1. ใยอาหารจากต้นไซเลี่ยมฮัลก์ (Psyllium Husk Fiber)

 เปลือกเมล็ดไซเลี่ยมมีคุณสมบัติในการพองตัวสูงเป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำ  เมื่อรับประทานเข้าไปจะพองตัวในกระเพาะอาหาร  ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น   ดังนั้นปริมาณอาหารที่ได้รับน้อยลงก็จะส่งผลให้น้ำหนักตัวลดน้อยลง   นอกจากนี้ใยอาหารในไซเลี่ยมยังดักจับไขมัน และน้ำดีในระบบทางเดินอาหาร  ซึ่งช่วยลดปริมาณไขมันเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย

2. ใยอาหารจากต้นปาล์ม (Oil Plam Trunk Fiber)

 ใยอาหารจากแกนกลางต้นปาล์ม  เป็นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ  ช่วยทำความสะอาดลำไส้  กวาดเศษอาหารที่ตกค้างออกจากลำไส้   นอกจากนี้ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำยังช่วยระบบการย่อยอาหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  เพิ่มการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายได้มากขึ้น
3. ผงผักรวม (Mixed Vegetable Powder)

 ผงผักรวมที่สกัดจาก  ผักโขม    เซเลรี่    กะหล่ำปลี    ถั่วลันเตา  และวีทกลาส   เป็นต้น   ธัญพืชเหล่านี้จัดเป็นอาหารของแบคทีเรีย  ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้   ซึ่งช่วยในการย่อยสลายและดูดซึมสารอาหารให้ดีขึ้น  ทำให้ร่างกายแข็งแรง  อีกทั้งยังช่วยดักจับไขมันและของเสียต่างๆ ในลำไส้  ให้ถูกขับถ่ายออกไป  จึงช่วยลดอาการท้องผูก

4. ฟรุคโต โอลิโกแซคคาไลด์ (Fructo-Oilgosaccharides)

 พรีไบโอติกส์ (Prebiotics)  เป็นสารอาหารของจุลินทรีย์ที่มีประดยชน์ในลำไส้ของเราที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย   ช่วยเพิ่มความต้านทานเชื้อก่อโรค   เช่น   โรคท้องร่วง   อาหารเป็นพิษ   ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้  และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโพรไบโอติกส์ในร่างกาย (แบคทีเรียที่ดี)

5. กัวร์กัม (Guar gum)

 กัวร์กัม คือ Gum  ชนิดหนึ่ง  เป็น  Galactomannan  ที่ได้มาจากเมล็ดในพืช (ต้นพอลลิเนีย) ของ Guar Cyamopsis Tetragonoloba  ซึ่งกระจายตัวได้ในน้ำเย็น  สร้างเป็นสารละลายหนืด   เมื่อให้ความร้อนจะเกิดสารความคงตัว  หรือเป็นเนื้อเดียวกัน  สามารถดูดน้ำได้อย่างรวดเร็ว  และให้ความหนืดสูง   ดูดซับน้ำและของเหลวในกระเพาะทำให้ลดความหิวได้

6. ใยอาหารจากแอปเปิ้ล (Apple Fiber)

 ช่วยชะลอความชราและรักษาความเป็นหนุ่มสาว    ลดน้ำหนักและลดไขมันสะสมเนื่องด้วยเส้นใยเพคติน   นอกจากนี้ใยอาหารจากแอปเปิ้ลสามารถขัดขวางการดูดซึมดักจับไขมัน และคลอเรสเตอรอลที่มาจากกระบวนการย่อยอาหาร   รวมทั้งยังเป็นตัวช่วยให้ร่างกายเพิ่มการใช้ไขมันที่เก็บตามเนื้อเยื่อต่างๆ   พร้อมทั้งการส่งเสริมการทำงานต่างๆ ในร่างกาย

7. กรดซิตริก (Citric Acid)

 กรดซิตริก หมายถึง  กรดผลไม้  ซึ่งมีอยู่ในผลไม้  เช่น  ส้ม  มะนาว  และแอปเปิ้ล  เป็นต้น   กรดซิตริกจะทำให้ได้รสชาติและกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ     ช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกาย และช่วยลดไข้

8. คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)

 คลอโรฟิลล์เป็นสารสีเขียว   ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช   นอกจากนี้คลอโรฟิลล์มีลักษณะโครงสร้างคล้ายเม็ดเลือดแดงของมนุษย์   ช่วยในการล้างสารพิษ    ป้องกันมะเร็ง    เพิ่มระบบการสร้างเม็ดเลือดแดง    ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาออกซิเจนเข้าสู่เซลล์    ช่วยขจัดสารพิษในเลือด  ตับ  ไต   ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด   ปรับสมดุลให้กับร่างกายเพิ่มความสดชื่น   ผิวพรรณสดใส   ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และมีความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย

9. โพรไบโอติกส์ (Probiotics)

 โพรไบโอติกส์  เป็นจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ   โดยหน้าที่หลักจะช่วยรักษาสมดุลของลำไส้    ช่วยลดอัตราการติดเชื้อโรค และอัตราการตายของสิ่งมีชีวิตต่างๆ   สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ไม่มีประโยชน์ภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี   อีกทั้งยังช่วยขับเอนไซม์ต่างๆ ด้วย   เช่น    เอ็กโซเอนไซม์ (Exoenzymes) ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญพลังงาน และกระบวนการขับเหงื่อของมนุษย์  อีกทั้งช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย   นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการย่อยสลายของสารอินทรีย์ต่างๆ ได้ดีขึ้น

 การล้างสารพิษ  คืออะไร

 การล้างสารพิษที่สะสมในร่างกาย     สารพิษอาจเกิดจาก   ฝุ่น   ควัน   สารเคมี   แสงแดด   ความเครียด  อาหาร  และสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์      การล้างสารพิษจึงเป็นวิธีการทำความสะอาดร่างกายที่ทุกๆ คนควรดูแล   เช่นเดียวกับการอาบน้ำและแปรงฟัน

 การล้างสารพิษมีอยู่หลายวิธี  ซึ่งมีทั้งยากและง่าย  ต่างกันไป  บางทีต้องได้รับการดูแลจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น  ซึ่งวิธีการล้างสารพิษที่ง่ายที่สุดคือการทานอาหารในการล้างสารพิษในระบบทางเดินอาหารของเรา  ตั้งแต่หลอดลม  กระเพาะอาหาร   ลำไส้เล็ก  ลำไส้ใหญ่  จนถึงทวารหนักมีความยาวประมาณ 6 เท่าของลำตัวเรา   โดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ ยาวประมาณ 1.6 เมตร  และลำไส้เล็กของเรามีรอยพับหรือภาษาอังกฤษ คือ Villi หรือ Villous  มากมาย  ซึ่งเป็นที่สะสมของสารพิษ

 วิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ อธิบายถึงแหล่งที่มาของสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ หรือสารที่ตกค้างในลำไส้  ว่าเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน  คือทานเนื้อสัตว์และแป้งขัดขาวมากเกินไป  ซึ่งอาหารสามกลุ่มนี้จะถูกย่อยเป็นโมเลกุลที่ละเอียดมาก  เหนียวหนึบ  เมื่ออาหารเหล่านี้ผ่านไปตามลำไส้  ซากจะเกาะติดกับผนังลำไส้ติดค้างทับถมกันหนาขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า Chronic dunk  หรือ ตะกรัน  ทำให้ช่องว่างระหว่างรอยพับน้อยลง  แคบลง  คอยขวางการดูดซึมอาหารที่ดีๆ  เพราะสารเหล่านี้เคลือบอยู่  จึงเกิดการบูดเน่ากลายเป็นสารพิษ

เมื่อลำไส้ดูดเอาสารอาหาร  ก็จะดูดเอาสารพิษที่ตกค้างกลับเข้าสู่ร่างกาย  ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมา  ซึ่งสารพิษที่เกิดจากซากอาหารตกค้างในลำไส้  ได้แก่

แอมโมเนีย  ซัลเฟอร์ออกไซด์ฮีสตามีน   ก่อให้เกิดภูมิแพ้ไนโตรซามีน  ฟีนอล  อินโดลกรุ๊ป    ทำให้เกิดมะเร็งแบคทีเรียให้โทษ  ทำให้เกิดท้องร่วง   ท้องผูก70 % ของมนุษย์มีระบบการย่อยและการดูดซึมอาหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ  สังเกตได้จาก อุจจาระ  หากระบบการย่อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  มวลอุจจาระจะเหลืองทองนุ่มและยุ่ย   ลอยน้ำได้  และมีมวลมาก   หากระบบไม่ดี  อุจจาระจะมีสำคล้ำ  เป็นก้อนแข็ง  เหนียว  จมน้ำ  บางรายอาจมีเศษอาหารออกมาด้วย

โดยสารอาหารจะไม่ได้รับการย่อยและถูกดูดซึมแต่อย่างใด   ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องล้างลำไส้  เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ออกไป

 เราจึงรวมคุณสมบัติในการล้างสารพิษกับคุณสมบัติในการปรับความสมดุล และการบำรุงเซลล์  ซึ่งเป็นคู่ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ตามหลักทฤษฎี Holistic Solution  มีคุณสมบัติในการดูแลบำบัด  เยียวยาด้วยทฤษฎีองค์รวม  เป็นการดูแลสุขภาพทั้งระบบ  โดยการทำงานร่วมกัน 3 ขั้นตอน

1. การล้างสารพิษ ขจัดสิ่งตกค้างที่ไม่ดีออกจากร่างกาย   พร้อมสำหรับการรับสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย

2. การปรับสมดุล การปรับสมดุลให้กับร่างกายให้กลับมาทำงานเป็นปรกติ  จากที่เคยทำงานผิดเพี้ยนหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

3. การบำรุงและการให้พลังงาน เพื่อให้ทุกระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้พลังงานในระดับเซลล์    Holistic Food  ต่างจาก  Functional Food  ที่กระบวนการบำรุงรักษาร่างกายโดย Functional Food  จะดูแลตามระบบกลไก หรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือการดูแลเฉพาะจุด  ซึ่งผลิตภัณฑ์โดยทั่วไปตามท้องตลาด  มักเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Functional Food  เป็นส่วนใหญ่  ซึ่งต่างจาก Holistic Food  ที่ดูแลแบบครอบคลุมทั้งหมด  เริ่มตั้งแต่การบำรุงเซลล์  เนื้อเยื่อ  อวัยวะ และระบบ  จนถึงสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง และให้พลังงานแก่ร่างกาย

 เมื่อเซลล์แข็งแรง  ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เนื้อเยื่อจะสมบูรณ์  ส่งผลให้อวัยวะทำงานได้ดี และระบบของอวัยวะทำงานได้อย่างสัมพันธ์กัน  เมื่อระบบทำงานเป็นปกติจะทำให้พลังงานร่างกายแข็งแรง และสามารถฟื้นฟูและเยียวยาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น